เชียเรอร์ เดอะ แม็กพาย ของ แอลัน เชียเรอร์

1996-1998

แอลัน เชียเรอร์ พึ่งต่อสัญญาใหม่กับแบล็กเบิร์นไปหมาดๆ และออกมาประกาศว่าเขาจะยังไม่ย้ายไปไหน แต่ไม่ทันไร เขาก็กลายเป็นศูนย์กลางของสื่ออีกครั้ง ในช่วงพรี-ซีซั่น ของปี 1996 ไม่ใช่เพราะทำลายสถิติการพังประตู แต่เพราะเขากำลังจะก้าวออกจากอีวู้ด ปาร์ก ในฐานะนักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลก หลังระเบิดฟอร์มเป็นดาวซัลโว ยูโร 96 เชียเรอร์ได้ถูกจัดให้เป็นกองหน้าที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก อยู่ในรายการช็อปปิ้งของทีมระดับสุดยอด ไม่ว่าจะเป็น บาร์เซโลนา ยูเวนตุส แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และ ทีมที่เขาเชียร์มาตั้งแต่เล็กๆ อย่าง นิวคาสเซิล แต่มีเพียงทีมเดียวเท่านั้นที่จะได้ลายเซ็นของเขา และเชียเรอร์ก็เลือกทำในสิ่งที่ช็อกโลกฟุตบอล เขาปฏิเสธข้อเสนอของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นการปฏิเสธแมนฯ ยู เป็นครั้งที่สอง ในที่สุดเชียเรอร์ก็ได้ทำในสิ่งที่เขารอคอยมานับสิบปี และเติมฝันให้เต็มด้วยการเล่นให้ทีมที่เขารัก นิวคาสเซิลยูไนเต็ด

จอร์ดี้กว่า 2 หมื่นคน โดดงาน โดดเรียน เพื่อมาต้อนรอต้อนรับเชียเรอร์ที่ด้านหน้าของเซนต์เจมส์ ปาร์ก นี่คือประสบการณ์ที่เหมือนความฝันของทุกคน ณ ที่นั้น สิ่งหนึ่งที่จะไม่มีวันลืมเลือนคือ นี่คืออีกหนึ่งวันที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร

เชียเรอร์ติดตามผลการแข่งขันของนิวคาสเซิลเสมอ แม้ขณะที่เป็นนักเตะของแบล็กเบิร์น เพราะการสนับสนุนทีมเป็นสิ่งที่อยู่ในสายเลือดเขา คิดถึงภาพตัวเองยืนอยู่ที่ เดอะ กัลโลว์เกต เอน กับผู้เป็นพ่อ ยืนรอต่อคิวกว่า 9 ชั่วโมง เพื่อให้ได้เข้าไปเจอกับ เควิน คีแกน ตัวเป็นๆ ในนัดประเดิมสนามในปี 1984 แต่ตอนนี้เขาเซ็นสัญญาให้กับทีมที่ฮีโร่ของเขาเป็นผู้จัดการทีม ฮีโร่ผู้ซึ่งเปลี่ยนจากทีมยักษ์หลับ ให้กลายเป็นทีมลุ้นแชมป์อย่างแท้จริง ภายในเวลาเพียง 4 ปี และพลาดพาทีมคว้าแชมป์แรกนับตั้งแต่ปี 1927 เมื่อฤดูกาลก่อนไปอย่างฉิวเฉียด คีแกนบอกว่า การเซ็นสัญญากับเชียเรอร์ คือจิ๊กซอว์ชิ้นที่ขาดหายไปของเขา นิวคาสเซิลคือที่ที่คู่ควรกับการเป็นแชมป์ และทำให้การรอคอยที่ยาวนานนั้นสิ้นสุดลงเสียที

เพียงแค่นัดที่ 2 ที่เขาลงเล่นให้กับทีมในลีกเท่านั้น ที่ความฝันของเชียเรอร์สมบูรณ์ขึ้นอีกระดับหนึ่ง เขาทำประตูได้ในเซนต์เจมส์ ปาร์ก ฟรีคิกระยะ 30 หลา ในนัดที่พบกับวิมเบิลดัน แฟนบอลนับพันตะโดนเรียกชื่อเขาก้องสนาม จากความฝันที่จะได้ใส่เสื้อสีขาวดำ วันนี้เขาทำประตูได้ภายใต้เสื้อทีมรัก นาทีนี้...เชียเรอร์ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ปีกความฝัน

ความฝันของนิวคาสเซิล ที่จะชูถ้วยพรีเมียร์ชิพหลุดลอยไปเมื่อฤดูกาลก่อน เมื่อแมนฯ ยู พิสูจน์ตัวเองว่าพวกเขาทำได้ดีกว่า หลังเบียดคว้าถ้วยแชมป์ไป ทั้งๆ ที่นิวคาสเซิลนำห่างถึง 12 คะแนน แต่การล้างแค้นก็ไม่ต้องรอนานเกินไปนัก เมื่อสาลิกาดง เอาชนะปิศาจแดงได้ 5-0 ในเซนต์เจมส์ ปาร์ก และเชียเรอร์ยิงหนึ่งในนั้น

เชียเรอร์ที่ใช้เวลาหลายปีในวัยเยาว์ พยายามเป็นให้ได้อย่างคีแกนฮีโร่ของเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับจอร์ดี้คนอื่นๆ ที่ช็อกอย่างสุดขีด เมื่อผู้ชายที่ทั้งเมืองยกให้เป็น The King ผู้ชายที่เซ็นสัญญาคว้าตัวเขามาร่วมทีม ได้เลือกที่จะหันหลังให้กับสโมสรในเดือนมกราคม 1997 ทั้งๆ ที่นิวคาสเซิลอยู่อันดับ 2 ของตาราง และพึ่งขยี้สเปอร์ส 7-1 อย่างเหนือชั้น ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆ คิง เคฟ ตัดสินใจจากไป โดยเฉพาะสำหรับเชียเรอร์แล้ว นี่คือความขมขื่น เขามีความสุขมากที่ได้ร่วมงานกับคีแกนแม้จะเป็นช่วงสั้น และนอกเกมฟุตบอลทั้งคู่ได้กลายเป็นเพื่อนที่ใกล้ชิด และความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นนั้นก็ยังคงอยู่ตราบจนปัจจุบัน

แต่เมื่อคนคุ้นเคยอย่าง เคนนี่ ดัลดลิช ได้รับเลือกให้เข้ามาทำหน้าที่แทนคีแกน เชียเรอร์ก็รู้สึกยินดีกับมัน จะว่าไปแล้วดัลกลิชกับเชียเรอร์ก็ใกล้ชิดกันมาก ทั้งสองหวังว่าจะสามารถทำในสิ่งที่พวกเขาเคยทำได้กับแบล็กเบิร์นให้เกิดขึ้นอีกครั้งที่นี่ ที่เซนต์เจมส์ ปาร์ก

ดัลกลิช พานิวคาสเซิลคว้ารองแชมป์เป็นฤดูกาลที่สอง พร้อมกับพื้นที่ในแชมเปียนส์ ลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร สำหรับเชียเรอร์นั้น ฤดูกาลนี้จัดเป็นฤดูกาลที่เยี่ยมยอด เขายิงได้ 28 ประตูในลีก คว้ารางวัล PFA Player of the Year อีกครั้ง และได้ที่ 3 สำหรับรางวัล World Player of the Year ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นหลังจากเขาต้องอดลงสนามถึงสองเดือน เนื่องจากอาการบาดเจ็บ นอกจากนี้เขายังได้รับตำแหน่งกัปตันทีมชาติอังกฤษ และประตูของเขาก็ช่วยให้อังกฤษเป็นที่หนึ่งในกลุ่ม สำหรับรอบคัดเลือดฟุตบอลโลก

ฤดูกาล 1997-98 เป็นอีกครั้งหนึ่งที่นิวคาสเซิลหวังจะคว้าแชมป์ให้จงได้ แต่หลายอย่างมันผิดแผนไปตั้งแต่ฤดูกาลยังไม่เริ่มเสียอีก อย่างแรกคือเลส เฟอร์ดินานด์ คู่ขาที่ช่วยเชียเรอร์ถล่มประตู ถูกขายออกไป ประกอบกับตัวเชียเรอร์เองต้องประสบกับปัญหาบาดเจ็บข้อเท้าแตก ระหว่างนัดกระชับมิตรที่กูดิสัน ปาร์ก กับเชลซี และการบาดเจ็บครั้งนี้ทำให้เขาอดลงสนามถึง 7 เดือน

เพื่อชดเชยการขาดหายไปของเชียเรอร์ ดาวรุ่งดัตช์อย่าง ยอน ดาห์ล โทมัสสัน ถูกซื้อเข้ามาเพื่อผลักเกมในแดนหน้า ตามมาด้วย เตมูร์ เคตส์บาย่า ดาวเตะชาวจอร์เจีย และเอียน รัช อดีตคู่ขาของดัลกลิช ทั้งหมดมาช่วยกันกับ ติโน่ อัสปริย่า แต่นั่นก็ช่วยได้ไม่มากนัก เมื่อนิวคาสเซิลอยู่ในอันดับที่ผิดที่ผิดทาง บนตารางในช่วงเดือนมกราคม

แต่นิวคาสเซิลก็ผ่านรอบแบ่งกลุ่มในรายการแชมเปียนส์ ลีกไปได้ หลังเอาชนะ โครเอเชีย ซาเกร็บ ด้วยกฎประตูทีมเยือน หลังเสมอกันไปในช่วงต่อเวลาพิเศษ ถ้าไม่นับนัดที่เอาชนะ บาร์เซโลนา 3-2 ด้วยแฮทริกของอัสปริย่า ในรังเซนต์เจมส์ ปาร์ก ก็นับว่าผลงานของนิวคาสเซิลยังไม่ดีพอ จึงเป็นอันต้องตกรอบไปในที่สุด

ช่วงที่เหลือของฤดูกาลกำลังดำดิ่งสู่หายนะ แต่การรอคอยการกลับมาของเชียเรอร์ก็สิ้นสุดลง เมื่อเขาถูกเปลี่ยนตัวลงมาเป็นสำรองในเกมพบกับโบลตันในบ้าน ในเดือนมกราคม นั่นเป็นสัญญาสู่สิ่งที่ดีกว่า แต่การกลับมาฟิตของเขาก็ยังไม่สามารถช่วยทีมได้มากนัก เมื่อนิวคาสเซิลจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 13 ของตาราง

อย่างไรก็ตาม ในเอฟเอ คัพ เชียเรอร์ก็ยิงประตูพาทีมไปจนถึงเวมบลีย์จนได้ เมื่อยิงประตูชัยให้ทีมเฉือน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด จากดิวิชั่น 1 ไป 1-0 ในโอล แทรฟฟอร์ด แต่ฤดูกาลนี้ของเชียเรอร์ก็จบลงเหมือนตอนเริ่มต้น คือ ด้วยน้ำตา นิวคาสเซิล แพ้อาร์เซนอล 2-0 ด้วยฟอร์มการเล่นที่ขัดใจแฟนบอล จนถึงกับทำให้แฟนต้องตะโกน "บุก บุก" เมื่อทีมของพวกเขาเล่นได้อย่างไร้ความหวังต่อหน้าต่อตา

แต่สำหรับเชียเรอร์ เขาไม่มีเวลามานั่งสงสารตัวเอง เมื่อเขามีฟุตบอลโลกที่ต้องเผชิญ เชียเรอร์กลับมาฟิตได้ทันเวลาพอดีที่ เกล็น ฮ็อดเดิ้ล จะใส่ชื่อเขาลงไปในทีมชุดลุยฟุตบอลโลกปี 1998 ที่ฝรั่งเศส แต่แม้จะมีศูนย์หน้าอันดับหนึ่งอย่างเชียเรอร์ และการแจ้งเกิดของไมเคิล โอเว่น แต่สิงโตคำรามก็ไม่สามารถผ่านรอบสองไปได้ หลังแพ้การดวลจุดโทษต่ออาร์เจนติน่า รวมแล้วเชียเรอร์ยิงได้ 2 ประตูในฟุตบอลโลก จากการลงสนาม 4 นัด

1998

ฤดูกาล 1998 - 1999 ของทั้งเชียเรอร์ และนิวคาสเซิ่ล ก็ยังบอบช้ำไม่ต่างจากฤดูกาลที่พึ่งผ่านพ้นมา ดัลกลิชถูกปลดออกจากตำแหน่งอย่างไม่มีใครคาดคิด หลังเริ่มฤดูกาลไปได้เพียง 3 นัดเท่านั้น และสิ่งที่มาแทน คือความรู้สึกหรูหราไฮโซที่ได้ รืด คึลลิต อดีตดาวเตะระดับโลกชาวดัชต์ และอดีตผู้จัดการทีมเชลซีมาเป็นผู้จัดการทีม

สมัยคึลลิตคุมเชลซี เขาขึ้นชื่อในเรื่องเทคนิคดี และแฟนนิวคาสเซิ่ลก็ตื้นเต้นกับคำว่า "เซ็กซี่ฟุตบอล" แต่ผลลัพธ์คือ อีกหนึ่งฤดูกาลที่หน้าผิดหวัง นิวคาสเซิ่ลจบฤดูกาลโดยไม่ติดท็อปเท็นเป็นปีที่สองติดต่อกัน และแอลัน เชียเรอร์เป็นดาวซัลโวที่ 21 ประตู

ในเอฟเอ คัพ นิวคาสเซิ่ลหมายมั่นปั้นมือจะทำให้ดีขึ้น และพวกเขาก็ไปถึงนัดชิงได้อีกครั้ง หลังเชียเรอร์ช่วยยิง 2 ประตู เขี่ยสเปอร์ตกรอบ พาทีมไปเจอแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่กำลังไล่ล่าแชมป์ลีก แชมเอฟเอคัพ และ แชมเปียนส์ ลีก ในนัดชิง หลายคนคาดว่า ปิศาจแดงจะพุ่งความสนใจไปที่นัดชิงแชมเปียนส์ ลีก กับบาเยิร์น มิวนิก ในอีกไม่กี่วันหลังจากนั้นมากกว่า แต่พวกเขาก็เหมือนอาร์เซนอล แข็งแกร่งเกินกว่าทีมเราจะข้ามไปคว้าถ้วยแชมป์ได้ นิวคาสเซิ่ลแพ้ 2-0 เชียเรอร์และพวก คงต้องรอต่อไปสำหรับถ้วยใบนี้ หลังพลาดนัดชิงสองปีติด

เมื่อความฝันของเจ้าของเสื้อหมายเลข 9 ไม่เป็นไปอย่างที่เขาวางแผนไว้ ก็มีข่าวลือออกมาว่า ทั้งเชลซี, ลิเวอร์พูล, อาร์เซนอล และ บาร์เซโลนา ต่างให้ความสนใจที่จะดึงตัวเชียเรอร์ไปร่วมทีม แต่เขาก็ยังคงซื่อตรงต่อสโมสรเหมือนเช่นเคย และต่อสัญญากับทีมไปอีก 5 ปี ทำให้เชียเรอร์จะอยู่กับสโมสรไปจนถึงอายุนำหน้าด้วยเลข 3

อย่างไรก็ตามความดีใจที่เชียเรอร์ต่อสัญญา กลับตามมาด้วยความหดหู่ เริ่มแรกเขาได้ใบแดงในนัดเปิดสนามปี 1999-2000 ที่เราเจอกับแอสตันวิลลาในบ้าน และเมื่อเวลาผ่านไป เรื่อยมาจนถึงเดือนกันยายน เมื่อนิวคาสเซิ่ลเจอคู่แค้นอย่างซันเดอร์แลนด์ ตอนนั้นอันดับของทีมเราฝังรากอยู่ที่ตอนท้ายของตาราง

ในนัดนี้ เชียเรอร์รู้สึกราวถูกทิ้งให้ยืนอยู่กลางสายฝนอย่างแท้จริง เมื่อเขาถูกดร็อปจากเกมดาร์บี้ เป็นครั้งแรกในชีวิตค้าแข้ง การตัดสินใจครั้งนี้ของผู้จัดการทีม ทำให้คลื่นแฟนบอลช็อกไปตามๆ กัน ทั้งบิ๊ก อัล, โรเบิร์ต ลี และ ดันแคน เฟอร์กูสัน กองหน้าที่คึลลิตซื้อมาเอง จากเอฟเวอร์ตันในราคา 8 ล้านปอนด์ ต่างก็ถูกดร็อปด้วยกันทั้งสิ้น หลังคึลลิตไม่ยอมรับฟังคำขอร้องของพวกเขา ที่ให้ร็อบ ลี กลับไปเป็นมิดฟิลด์ในชุดใหญ่ดังเดิม คำตอบชัดเจนสำหรับลี คึลลิตส่งเขาไปฝึกกับทีมเยาวชน และยึดเสื้อหมายเลข 7 คืนจากเขา และนี่ทำให้เชียเรอร์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับลีไม่พอใจมาก จนนำมาสู่การแตกหักระหว่างเขา กับคึลลิต

เกมที่สำคัญที่สุดในฤดูกาลของนิวคาสเซิ่ล และทีมต้องเล่นโดยที่นักเตะตัวหลักโดนดร็อป เชียเรอร์ต้องนั่งมองทีมแพ้ 2-1 จากม้านั่งสำรอง ในวันที่ฝนตกพรำและอากาศเย็นเยียบ เย็นวันนั้น...แทบจะกลายเป็นวันที่มืดมิดที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร เชียเรอร์ได้ลงสนามในที่สุดในช่วงท้ายเกม แต่นั่นสายเกินไป และคึลลิตลาออกจากตำแหน่งในเช้าวันต่อมา

บรรดาสื่อสนุกสนานกับการเล่นข่าวและตั้งคำถามว่า จริงหรือไม่ที่เชียเรอร์ใหญ่คับสโมสร? แต่ช่วงพักให้ทีมชาติแข่งขัน ทำให้ทั้งตัวเชียเรอร์และสโมสรเหมือนได้พักหายใจชั่วคราว และเชียเรอร์ก็ทำแฮทริกให้กับทีมชาติอังกฤษในเวมบลีย์

1999-2003

บ็อบบี้ ร็อบสัน อดีตผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเป็นชาวจอร์ดี้แท้ๆ ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นผู้จัดการทีมนิวคาสเซิ่ลคนใหม่ แทนที่รุต คึลลิตในเวลาอันรวดเร็ว ความท้าทายแรกของเขาคือ การทำให้เชียเรอร์กลับมาทำในสิ่งที่เชียเรอร์คนเดิมทำจนชินตา นั่นก็คือ "การทำประตู" และเขาก็ไม่ต้องรอนาน เพียงแค่เกมแรกในบ้านของร็อบสัน ในฐานะผู้จัดการทีมสาลิกาดงคนใหม่ เชียเรอร์คนเดิมก็กลับมา ฮ็อตช็อตยิงไป 5 ประตู ในเกมที่นิวคาสเซิ่ลถล่มเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ 8-0

หลังจากนั้นไม่ทันนาน นิวคาสเซิ่ลก็หลุดออกจากโซนท้ายตาราง ค่อยๆ ไต่ตารางคะแนน จนจบฤดูกาลด้วยอันดับ 11 พร้อมกับเชียเรอร์ ที่ได้มีฤดูกาลที่ดีที่สุดของเขาในสีเสื้อขาวดำ เชียเรอร์ยิงไปถึง 30 ประตูจากทุกรายการในฤดูกาลนี้ อะไรๆ ดูเหมือนจะหันไปในทิศทางที่ดีขึ้นสำหรับเชียเรอร์และสโมสร

ซัมเมอร์เดียวกันนี้เอง ที่เราได้เห็นเชียเรอร์ได้ร่วมงานกับ เควิน คีแกน นายเก่าของเขาอีกครั้ง โดยคราวนี้ คีแกนรับหน้าเสื่อเป็นผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ หลังไปคุมฟูแล่มอยู่พักหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ก่อนยูโร 2000 จะเริ่มต้นขึ้น เชียเรอร์จุดประเด็นที่ทำให้เขาเป็นข่าวหน้าหนึ่ง มากยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา โดยการประกาศว่า เขาจะอำลาทีมชาติ ทันทีที่ทัวร์นาเมนต์นี้จบลง เพื่อที่จะทุ่มเทสมาธิให้กับนิวคาสเซิ่ล ยูโร 2000 จึงจะเป็นรายการสุดท้ายในนามสิงโตคำราม ของชายผู้ซึ่งเป็นฮีโร่ของชาวอังกฤษทั้งประเทศ

แม้ว่าจะยิงได้ 2 ประตู หนึ่งในสองคือลูกโหม่งอันเลื่องชื่อ ที่ช่วยให้อังกฤษชนะเยอรมนี 1-0 แต่นั่นก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยไม่ให้อังกฤษถูกเขี่ยตกรอบ แบบคอตก และน้ำตาท่วมจอ เชียเรอร์โบกมืออำลาต่อสีเสื้อสิงโตคำราม ตามคำพูดที่ให้ไว้ก่อนหน้า เขาจะไม่มีวันเล่นให้ทีมชาติอีก แม้ว่าจะมีเสียงเรียกร้องให้เขากลับมาหลายต่อหลายครั้ง แม้แต่จากบรรดาสื่อ ที่เคยคอยจิกกัดเขาหลายครั้ง ระหว่างที่ยังสวมเสื้อทีมชาติอยู่ก็ตาม

การตัดสินใจครั้งนี้ ทำให้เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งบรรดาสื่อและแฟนบอล เช่นคำพูดที่ว่า 'เขาหันหลังให้กับประเทศชาติ' แต่เชียเรอร์รู้สึกว่า เขาไม่สามารถทำสองงานพร้อมกันได้ และเขาต้องการเป็นอย่างยิ่ง ที่จะคว้าแชมป์สักรายการให้กับนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ซึ่งการจะทำเช่นนั้นได้ เชียเรอร์ต้องใช้พลังทั้งหมดที่มี กอปรกับตัวเขาเองคิดว่า อังกฤษอยู่ในภาวะที่เข้าที่อยู่แล้ว กับการมีโอเว่น และคลื่นลูกใหม่คนอื่นๆ ที่กำลังก้าวขึ้นมา

ที่ผ่านมา เชียเรอร์ได้รับใช้ชาติเป็นอย่างดีมาโดยตลอด และเขาได้อำลาทีมชาติด้วยความภูมิใจที่ว่า เขาได้ทุ่มทั้งหมดที่เขามีแล้ว และยิงให้ทีมชาติร่วม 30 ประตู ซึ่งนับว่าเป็นสถิติที่สูง สำหรับฟุตบอลในระดับนี้

ตัดกลับมาที่นิวคาสเซิ่ล โดยส่วนตัวแล้ว ร็อบสันก็แอบดีใจอยู่เงียบๆ กับการตัดสินใจของกองหน้าตัวหลักของทีม และหนุนหลังเชียเรอร์ ในฐานะที่ตัวเขาเองก็เป็นทูน อาร์มี่เหมือนกันว่า การตัดสินใจทำเพื่อสโมสรในครั้งนี้ เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี โดยเฉพาะจากคนที่ชาวอังกฤษทั้งประเทศภูมิใจอย่างเชียเรอร์ มันสื่อให้แฟนบอลเห็นว่า ตัวเขาเองก็รักสโมสรมากเช่นเดียวกับแฟนๆ ทุกคน เพราะสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในคือ ความเป็นทูน อาร์มี่ในตัวตนของเขานั่นเอง

แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปดังคาด นิวคาสเซิ่ลจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 11 อีกครั้ง สาเหตุหลักก็เนื่องมาจาก อาการบาดเจ็บของเชียเรอร์ จนทำให้เขาพลาดลงสนามไปเสียเยอะ ในฤดูกาลนี้ เชียเรอร์ลงเล่นเพียง 27 นัด และยิงได้เพียง 7 ประตู นี่เป็นหนึ่งเหตุผล ที่ทำให้เชียเรอร์คิดว่า การตัดสินใจอำลาทีมชาติ เพื่อที่จะได้เล่นให้นิวคาสเซิ่ลมากขึ้นนั้น ถูกต้องแล้ว

อย่างไรก็ดี ฤดูกาล 2001-02 เป็นฤดูกาลที่ดีขึ้นมากสำหรับทั้งเชียเรอร์และสโมสร ร็อบสันซื้อ เคร็ก เบลลามี มาจากโคเวนทรี่ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 6 ล้านปอนด์, ใช้งบ 9.5 ล้านปอนด์ ซื้อ โลรอง โรแบร์ ปีกซ้ายฝรั่งเศส และต่อสัญญากับ เชย์ กิฟเวน ไปอีก 2-3 ปี

แม้เชียเรอร์จะพลาดลงสนามในเดือนแรกของฤดูกาล อันเนื่องมาจากอาการบาดเจ็บบริเวณขาหนีบ แต่ทันทีที่เขากลับมาลงสนามได้ นิวคาสเซิ่ลก็ใส่เกียร์เดินหน้าทันที การมีโรแบร์ และเบลลามี่ ค่อยวิ่งจี๊ด ในที่สุดหมายเลข 9 ของทีมก็ได้มีกองอย่างที่ควรเป็น และนิวคาสเซิ่ลก็กลับไปอยู่ท่ามกลางทีมใหญ่ๆ อีกครั้ง หลังจบฤดูกาลด้วยอันดับ 4 พร้อมพื้นที่ในแชมเปียนส์ลีก รอบคัดเลือก เราควรต้องขอบคุณเชียเรอร์ กับ 27 ประตูที่เขาทำได้ในฤดูกาลนี้

เมื่อมาได้ไกลถึงเพียงนี้แล้ว นิวคาสเซิ่ลจึงถูกคาดหวังว่าจะเป็นทีมลุ้นแชมป์ในฤดูกาล 2002-03 และเป็นอีกครั้ง ที่บ็อบบี้ช็อปอย่างหนัก เขาใช้เงิน 5 ล้านปอนด์ซื้อ เจอร์เมน เจนาส, 6 ล้านปอนด์ เป็นค่าตัว ไตตัส บรัมเบิล และ 8.5 ล้านปอนด์ สำหรับนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรป ฮูโก วิอานา จะเห็นได้ว่า ผู้จัดการทีมนิวคาสเซิ่ล กำลังสร้างทีมเพื่อวันนี้ และเพื่ออนาคต

แม้จะออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ได้ไม่ดีนัก แต่ชั่วเวลาเพียงไม่นาน สาลิกาดงก็บินสูงอีกครั้ง พร้อมกับฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมของเชียเรอร์ 25 ประตูที่เขาทำได้คือข้อพิสูจน์ ชีวิตใหม่ของเชียเรอร์ ภายใต้การทำทีมของร็อบสันยังดำเนินต่อไป ณ จุดนี้ คำว่า "แชมป์" ไม่ได้ไกลเกินหวัง แต่อาการบาดเจ็บของเคร็ก เบลลามี ก่อนจบฤดูกาล หมายความว่า นิวคาสเซิ่ลต้องจบฤดูกาลด้วยอันดับ 3 และได้สิทธิไปเล่นแชมเปียนส์ลีก เป็นรางวัลปลอบใจอีกคำรบหนึ่ง